ประวัติครูบาโจ้
ชื่อนายก้องเกียรติ ตาลเพลิง เกิดวันที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2540 เป็นบุตรชายของนายเสริฐ และนางพะณาวรรณ ตาลเพลิง มีพี่น้องทั้งหมด 3 คน ได้แก่
นางสาวขวัญฤดี ปาชนะ
นายก้องเกียรติ ตาลเพลิง
เด็กหญิงพลอยใส ตาลเพลิง
เติบโตมาในครอบครัวชนบท ที่อำเภอปรางค์กู่ จังหวัดศรีสะเกษ
จบการศึกษาระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จากโรงเรียนไฮน้อย อำเภอปรางค์กู่ จบระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 จากโรงเรียนหนองคูวิทยา อำเภอปรางค์กู่ จบระดับอุดมศึกษา สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ คณะบริหาร สาขาการจัดการธุรกิจการค้าสมัยใหม่
ตลอดช่วงชีวิตนักเรียนและนักศึกษา เป็นบุคคลที่มีบุคลิกโดดเด่นเป็นผู้นำกิจกรรม และได้รับความรับความรักจากเพื่อนร่วมรุ่นเสมอ ในช่วงมัธยมศึกษายังได้รับตำแหน่งประธานนักเรียน รวมถึงเป็นผู้นำกิจกรรมสำคัญของโรงเรียนและสถาบัน
ด้วยความเป็นบุตรชายเพียงคนเดียวในครอบครัว มารดาจึงตั้งความหวังกับเขาเป็นอย่างมาก แม้ว่าจะเติบโตมาในสังคมที่เข้มงวดและถูกควบคุมจากผู้ปกครอง จนไม่มีโอกาสใช้ชีวิตเช่นเดียวกับเพื่อนรุ่นเดียวกัน แต่สิ่งเหล่านี้ได้หล่อหลอมให้เขาเป็นคนมีระเบียบวินัย รักการทำบุญ และใกล้ชิดกับวัดวาอารามอยู่เสมอ
ในวัยเด็ก นอกจากการเรียนหนังสือแล้ว เขายังต้องช่วยเหลือครอบครัวทั้งในไร่นาและกิจกรรมต่าง ๆ เช่น เก็บเกี่ยวผลผลิต รับจ้างแบกข้าว และทำอาหารตั้งแต่อายุยังน้อย เมื่อเข้าสู่ช่วงปิดเทอมก็หารายได้เสริมด้วยการไปรับจ้างทำงานหลากหลายประเภท เช่น เก็บเงาะ เก็บมะม่วงหิมพานต์
เมื่อถึงช่วงใกล้จบมัธยมศึกษา ก็มีความตั้งใจที่จะศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษา แต่ด้วยฐานะทางบ้านที่ไม่เอื้ออำนวย ทำให้มารดาไม่สนับสนุน และถึงขั้นกล่าวว่า "ถ้าจะเรียนต่อ ก็ตัดแม่ตัดลูกกันไปเลย" คำพูดนี้กลายเป็นสิ่งที่ฝังใจเขาตลอดมา
อย่างไรก็ตาม ด้วยโชคชะตาที่เข้าข้างทำให้ได้พบกับโบว์ชัวร์ของสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ ที่ระบุว่า "เรียนฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย ขอแค่สอบผ่าน" ทำให้เขาตัดสินใจมุ่งมั่นสอบเข้าศึกษา และสามารถเรียนจบได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย
ในช่วงที่เรียนมหาวิทยาลัย เขาต้องทำงานไปด้วยเพื่อส่งเงินกลับบ้าน และเรเริ่มมีสังคมที่กว้างขึ้น รวมถึงมีความรักครั้งแรก แต่ด้วยนิสัยที่ให้ความสำคัญกับเพื่อนและคนรักมากเกินไป ทำให้หลงไปกับการใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น จนสุดท้ายสูญเสียทั้งคนรักและความไว้วางใจจากครอบครัว
หลังจากเรียนจบ เขาตัดสินใจบวชเป็นระยะเวลา 7 วัน แต่การบวชครั้งนี้ไม่ได้เกิดจากจิตศรัทธาแท้จริง กลับเป็นเพียงพิธีกรรมเพื่อเตรียมตัวมีครอบครัว ซึ่งกลายเป็นจุดเริ่มต้นของภาระหนี้สินให้กับครอบครัว เนื่องจากค่าใช้จ่ายทั้งหมดตกเป็นของมารดา
เมื่อออกจากร่มกาสาวพัสตร์ ชีวิตก็กลับเข้าสู่ช่วงเวลาที่ยากลำบากต้องเผชิญกับปัญหาทางอาชีพและการเงิน จนกระทั่งตัดสินใจเริ่มต้นธุรกิจส่วนตัว โดยเริ่มจากการขายทุเรียน และขยายไปสู่การค้าพระเครื่อง ซึ่งช่วงหนึ่งประสบความสำเร็จอย่างสูง สามารถสร้างรายได้หลักแสนบาทต่อเดือน อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จทางวัตถุทำให้ใช้ชีวิตอย่างฟุ่มเฟือย และไม่ได้เตรียมตัวรับมือกับการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ จนกระทั่งระบบแพลตฟอร์มออนไลน์เปลี่ยนแปลงทำให้ยอดขายตกต่ำลงเรื่อยๆ
เมื่อชีวิตประสบกับความทุกข์อย่างหนักก็ได้พยายามหาทางออกด้วยการสวดมนต์และทำบุญ แต่กลับไม่พบทางออกที่แท้จริง จนกระทั่งได้พบกลับคำสอนของครูบาชัยวัฒน์ ที่กล่าวว่า "ความรักนำพาให้เป็นทุกข์ พ่อจ๋าแม่จ๋า ครูบาอาจารย์ พระพุทธเจ้า บัดนี้ ข้าพเจ้าเห็นทุกข์แล้วในวัฏสงสาร ข้าพเจ้าจะไม่ขอตามผู้ใดอีกแล้ว ข้าพเจ้าขอลาคำมั่นสัญญาทั้งหมด ทั้งสิ้น ให้เหลือไว้แต่มรรคผลนิพพาน..."
คำสอนนี้ได้เปลี่ยนแปลงทัศนคติของตัวเอง และทำให้เริ่มติดตามธรรมะของครูบาชัยวัฒน์อย่างใกล้ชิด จนกระทั่งสมัครเข้าร่วม "โครงการปฏิบัติธรรม รักษาใจ รุ่นที่ 1" ซึ่งกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทางบนเส้นทางธรรมะอย่างแท้จริง
ตั้งแต่นั้นมา ชีวิตก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป...